วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

วิธีหมักหมูย่าง

การหมักเนื้อหมู ให้นุ่มนั้นไม่ใช่เรื่องยากและแม่ครัวประจำบ้านรู้กันอยู่แล้วแต่การหมักหมูที่ถูกต้องและอร่อยมากยิ่งขึ้นต้องขึ้นกับการเลือกส่วนของเนื้อหมูและส่วนผสมที่พอเหมาะหลายคนยังอาจจะไม่เคยรู้ วันนี้จึงมานำเสนอการการหมักหมูตามส่วนต่างๆ ของหมูกันเลยค่ะ
1) ส่วนของเนื้อหมูที่ไม่มีไขมัน เช่น เนื้อสันในหมู
การหมักเนื้อหมู
จะทำให้หมูนุ่มขึ้นโดยใส่ไข่ไก่และนมสดจืดในการหมัก จะทำให้หมูชุ่มชื่น เพิ่มรสชาติด้วยซอสปรุงรสอีกนิด แค่นี้เนื้อหมูของคุณก็พร้อมที่นำไปทำอาหารแล้วค่ะ
2) ส่วนของเนื้อหมูที่มีเส้นใยมาก เช่น ขา สันนอก และเนื้อสะโพก
การหมักเนื้อหมู
หมักด้วยน้ำสับปะรด 1 ช้อนโต๊ะ หรือสับปะรดหั่น2-3ชิ้น หั้นเป็นชิ้นเล็ก (สับปะรดไม่ควรมากเกินไปอาจทะให้เนื้อหมูเละไม่อร่อยได้) จะทำให้เนื้อหมูอ่อนนุ่ม และยุ้ยเปื่อยขึ้น แต่วิธีนี้จะไม่ทำให้ชุ่มชื้น
3) เนื้อหมูส่วนที่สำหรับทำสเต็ก
การหมักเนื้อหมู

วิธีเลี้ยงปลากัด

วิธีเลี้ยงปลากัด
การเลี้ยงปลากัด
1. การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลากัด
การเลี้ยงปลากัดเพื่อเพาะเป็นพ่อแม่พันธุ์ ควรเลือกลูกปลาที่มีอายุประมาณ 1.5 – 2 เดือนขึ้นไป ด้วยการเลือกคุณสมบัติในเชิงต่อสู้ ซึ่งมักจะแสดงนิสัยก้าวร้าวขณะเลี้ยง แล้วรีบแยกเลี้ยงในภาชนะเพียงตัวเดียว ทั้งเพศผู้ และเพศเมีย ก่อนจะเลี้ยงรวมกันในช่วงฤดูผสมพันธุ์
วิธีสังเกตเพศปลากัด
– ดูสี
ปลากัดเพศผู้จะมีสีเข้มกว่าเพศเมีย ลายบนลำตัวเด่นชัดกว่าตัวเมีย ซึ่งจะดูได้ชัดเจนเมื่อปลามีอายุประมาณ 2 เดือนขึ้นไป
– ดูครีบ และกระโดง
ปลากัดตัวผู้จะมีครีบท้องยาวกว่าตัวเมีย และกระโดงยาวไปจรดหาง ส่วนตัวเมียกระโดงจะสั้นกว่า
– ดูท่อนำไข่
หากมีจุดขาวบริเวณใต้ท้องจะเป็นตัวเมีย ซึ่งเป็นจุดของท่อนำไข่
– ดูปาก
ปลากัดที่มีวงปากเป็นสีแดงแสดงว่าเป็นตัวผู้ ซึ่งใช้สังเกตได้ตั้งแต่ปลาอายุประมาณ 20 วัน
– ดูขนาดลำตัว
ปลาตัวผู้จะมีลำตัวใหญ่กว่าตัวเมียในช่วงอายุที่เท่ากัน
ภาชนะที่ใช้เลี้ยงปลากัด ควรเป็นภาชนะขนาดเล็ก และปากไม่เปิดกว้างมาก เพื่อป้องกันการกระโดดของปลา และป้องกันศัตรูที่อาจจับกินปลา เช่น แมว จิ้งจก ฯลฯ และควรจัดทำเป็นชั้นวางขวดเพื่อประหยัดพื้นที่ และช่วยให้สะดวกในการจัดการ การให้อาหาร พื้นที่เลี้ยงควรมีอากาศถ่ายเทได้ดี โดยเฉพาะในฤดูร้อน เพราะอุณหภูมิสูงหรือต่ำมากจะมีผลกระทบต่อปลากัดอย่างรวดเร็ว ทำให้ปลาตายได้ง่ายหากอุณหภูมิสูง (อุณหภูมินํ้าไม่ควรเกิน 30 องศาเซลเซียส ) และอุณหภูมิต่ำจะทำให้ปลาไม่กินอาหาร เป็นสาเหตุทำให้ปลาตายเช่นกัน
นํ้าที่เลี้ยงต้องปราศจากคลอรีน ควรเป็นน้ำบ่อธรรมชาติหรือน้ำบาดาล ควรหลีกเลี่ยงการใช้ประปา ความเป็นกรด – ด่าง (pH) ของน้ำประมาณ 6.5 – 7.5 ความกระด้าง (hardness) 75 – 100 มิลลิกรัม/ลิตร และความเป็นด่าง (alkalinity) 150 – 200 มิลลิกรัม/ลิตร
2. การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลา ในขั้นตอนแรกต้องหาปลาที่มีสายพันธุ์ปลาที่ดีจากแหล่งเลี้ยงหรือแหล่งเพาะพันธุ์ที่เชื่อถือได้ โดยให้ความสำคัญกับรูปร่างลำตัว เช่น ต้องมีความสมส่วนทั้งลำตัว ครีบ และหาง ตะเกียบยาวเสมอกันทั้ง 2 ข้าง เมื่อพองขอบครีบหลังจรดครีบหางสีสด แข็งแรง และปราดเปรียวและพ่อแม่ปลาที่นำมาผสมกันควรมีอายุ 5 – 6 เดือนขึ้นไป
เนื่องจากลาอายุน้อยจะมีขนาดตัวเล็กทำให้ปริมาณไข่น้อย แม่ปลามีอายุ 3 เดือน นํ้าหนักตัว 0.7 – 0.8 กรัม จะมีไข่ 100 – 300 ฟอง/ครั้ง แต่ถ้ามีอายุ 5 – 6 เดือนขึ้นไป จะให้ไข่ 500 – 1,000 ฟอง/ครั้ง
การคัดเลือกปลาเพศผู้ และเพศเมียมาผสมพันธุ์ ควรตรวจความสมบูรณ์เพศ โดยใช้หลักการ
ดังนี้
– ปลาเพศผู้ต้องแข็งแรง ไม่เซื่องซึม สีสวย เป็นปลาที่ชอบสร้างหวอด (การพ่นฟองอากาศที่มี
นํ้าเมือกจากปาก และลำคอสำหรับเพศเมียวางไข่) ซึ่งแสดงถึงปลาเพศผู้ที่มีความสมบูรณ์ทางเพศพร้อมที่จะผสมพันธุ์ได้
– ปลาเพศเมีย ควรเป็นปลาที่แข็งแรง ไม่เซื่องซึม ว่ายน้ำ ปราดเปรียว บริเวณท้องอูมเป่ง ใต้ท้องมีตุ่มสีขาวที่เรียกว่าไข่นำ ซึ่งอยู่ใกล้กับรูก้น
3. วิธีการเพาะพันธุ์
นำปลากัดเพศผู้ และเพศเมียที่คัดไว้ ใส่ขวดแล้วนำมาวางติดกัน ซึ่งเรียกวิธีนี้ว่า เทียบคู่ เพื่อเป็นการเร่งให้ไข่พัฒนาเร็วขึ้น ขณะที่มีการเทียบคู่ควรปราศจากสิ่งรบกวนใดๆ ใช้เวลาในการเทียบคู่ประมาณ 3 – 10 วัน หรือสังเกตตัวเมียจะมีไข่เต็มที่ (ไข่ออกมากระจุกตรงช่องท้อง)
จากนั้นนำปลาเพศผู้ และเพศเมียมาใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ เช่น อ่างดิน ตู้กระจก อ่างซีเมนต์ เป็นต้น ระดับนํ้าสูง 4 – 8 นิ้ว ใส่พรรณไม้นํ้าสะอาด ซึ่งต้องฆ่าเชื้อด้วยด่างทับทิมก่อน  ได้แก่ สาหร่ายพุงชะโด สาหร่ายหางกระรอก จอก ใบผักตบชวา เป็นต้นสำหรับเป็นที่เกาะของหวอด
เมื่อปลาเพศผู้ และเมียปรับตัวกับสภาพใหม่ได้แล้ว ปลาเพศผู้จะเริ่มก่อหวอดติดกับไม้น้ำ โดยหวอดจะสร้างขึ้นจากฟองอากาศผสมกับนํ้าเมือกในโพรงปาก สำหรับเป็นรังพัก และฟักไข่ และเป็นที่ยึดเกาะของตัวอ่อนที่ฟักจากไข่
เมื่อสร้างหวอดสำเร็จ ปลาตัวผู้จะกางครีบไล่ต้อนปลาเพศเมียให้ไปอยู่ใต้หวอด ปลาเพศผู้จะงอตัวเป็นรูปตัวยู (U) หรือตัวเอส(S) รัดปลาเพศเมียให้ช่องอวัยวะเพศ (genital pore) ตรงกัน ปลาเพศเมียจะวางไข่ โดยไข่จะหลุดออกมาทางช่องอวัยวะเพศ และปลาเพศผู้จะฉีดน้ำเชื้อเข้าผสมทันที
เมื่อไข่ได้รับการผสมแล้ว ไข่จะค่อยๆ จมลงสู่ก้นภาชนะ ปลาตัวผู้จะตามลงไป แล้วใช้ปากดูดอมไข่ทีละฟองจนเต็มปาก แล้วว่ายนํ้าขึ้นไปพ่นไข่ไว้ที่หวอดที่สร้างไว้ และจะพ่นฟองอากาศใหม่ติดไว้ใต้หวอด  ส่วนปลาเพศเมียเมื่อออกไข่แล้วก็จะลอยตัวนิ่ง ๆ ช่วงหนึ่ง ซึ่งอาจใช้เวลานานนับชั่วโมงก็ได้ และเมื่อปลาเพศผู้นำไข่พ่นไว้ที่หวอดเสร็จแล้ว ปลาตัวผู้จะไล่ต้อนตัวเมียไปอยูที่มุมภาชนะ จะเฝ้าดูแลไข่เพียงลำพัง และเพื่อป้องกันไม่ให้ปลาตัวเมียกินไข่ที่ผสมแล้ว ดังนั้น ต้องรีบแยกตัวเมียออกจากภาชนะหลังวางไข่เสร็จ
ปล่อยให้ปลาเพศผู้เฝ้าดูแลไข่อีกประมาณ 2 วัน จึงแยกเพศผู้ออก ซึ่งการฟักตัวของปลากัดจะใช้เวลาประมาณ 30 – 40 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิประมาณ 25 – 32 องศาเซลเซียส
4. การอนุบาลลูกปลากัด
ภาชนะที่ใช้อนุบาลลูกปลา ได้แก่ ตู้กระจก อ่างดิน อ่างปูนซีเมนต์หรือถังไฟเบอร์ แต่ภาชนะที่ดีที่สุด คือ บ่อเพาะพันธุ์ ลูกปลากัดที่ฟักออกมาใหม่จะมีที่พักภายในหวอด และยังคงอยู่ในนั้นจนกระทั่งใช้ไข่แดง (yolk sac) เป็นอาหารหมด โดยจะใช้เวลา 3 – 4 วันแรกหลังการฟักออกจากไข่ ซึ่งระยะนี้ไม่จำเป็นต้องให้อาหาร
หลังจากที่ถุงไข่แดงยุบตัวหมดแล้ว ลูกปลาจะเริ่มหากินอาหาร ระยะนี้จะให้ไข่แดงต้มสุก โดยนำไข่แดงต้มสุกละลายนํ้า กรองผ่านกระชอนตาถี่ ให้กระจายทั่วในนํ้า ทำการให้อาหารวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 3 – 5 วัน แล้วเปลี่ยนเป็นไรแดง (Moina) ขนาดเล็ก (ตัวอ่อนไรแดง) แยกโดยใช้กระชอนตาถี่กรองไรแดงขนาดเล็ก  เมื่อปลาอายุได้ 10 วัน ให้เลี้ยงต่อไปจนปลาสามารถกินลูกนํ้าได้ (ประมาณ 15 – 20 วัน)
การแยกเพศจะทำได้เมื่อปลาอายุประมาณ 1.5 เดือนขึ้นไป ช่วงต้นของการอนุบาลปลายังมีขนาดเล็กอยู่ทำให้การถ่ายน้ำลำบาก ดังนั้น หลังเมื่อปลามีอายุประมาณ 10 วัน ก็สามารถเปลี่ยนถ่ายนํ้าได้โดยการดูดตะกอน และเปลี่ยนถ่ายนํ้าครั้งละ 2/4-3/4 ของปริมาตรทั้งหมดในบ่อ และควรใส่ผักบุ้งหรือผักตบชวาที่ทำความสะอาดแล้วลงไปในบ่อประมาณ 2 – 3  ต้น เพื่อให้ลูกปลากินเป็นอาหาร และใช้อยู่อาศัย
5. อาหารปลากัด
อาหารที่ให้ควรเหมาะสมกับลูกปลาต้องเป็นอาหารมีคุณค่า และย่อยได้ง่าย อาหารในช่วงต้นการอนุบาลลูกปลา คือ โรติเฟอร์ ตัวอ่อนอาร์ทีเมีย และไข่แดงต้มสุกบดผ่านผ้าขาวบาง
ระยะที่สอง เมื่อลูกปลามีอายุ 10 – 20 วัน อาหารที่ให้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ไรแดง หรืออาร์ทีเมียขนาดเล็กก็ได้
ระยะที่สาม เมื่อลูกปลาอายุ 20 วันขึ้นไป อาหารที่ให้จะเป็นไรแดงตัวเต็มวัย อาร์ทีเมียตัวเต็มวัย ลูกนํ้า และหนอนแดง
อาหารมีชีวิตที่ใช้เลี้ยง ควรล้างให้สะอาด และแช่ด้วยด่างทับทิบเสียก่อน เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับอาหาร
นอกจากการให้อาหารมีชีวิตแล้ว ควรฝึกหัดให้ปลากัดกินอาหารสำเร็จรูปด้วย โดยค่อยๆฝึกด้วยการเปลี่ยนเป็นอาหารสำเร็จรูป วันละ 1 ครั้ง วันเว้นวัน หรือ 2-3 วันครั้ง สำหรับลูกปลาที่มีอายุมากกว่า 20 วัน

วิธีการทําแผ่นพับใน Microsoft Word 2010/2013

วิธีการทําแผ่นพับใน Microsoft Word 2010/2013  
1. เริ่มแรกก็เปิด Microsoft Word จากนั้นคลิกที่แท็ป Page Layout (เค้าโครงหน้ากระดาษ)



2. ตั้งค่าแนวกระดาษให้เป็นแนวนอนที่ Page Layout > Orientation > Landscape (สำหรับคนที่ใช้ภาษาไทย: เค้าโครงหน้ากระดาษ > การวางแนว > แนวนอน)


3. จากนั้นตั้งค่าขอบกระดาษที่ Margins > Custom Margins.. (ภาษาไทย: ระยะขอบ > ระยะขอบแบบกำหนดเอง…)


4. จากนั้นกำหนดขอบตามรูปครับ เสร็จแล้วคลิก OK (สำหรับของใครที่หน่วยเป็นนิ้ว ดูวิธีเปลี่ยนหน่วยเป็นเซ็นติเมตรได้ ที่นี้) 


5. หลังจากตั้งค่าหน้ากระดาษ ขั้นตอนต่อไปเป็นการตั้งค่า คอมัมน์ ให้เป็น 3 คอมัมน์  เลือกได้ที่ Columns > Three (ภาษาไทย: คอมัมน์ > สาม)



6. จากนั้นใส่ข้อมูลหรือตกแต่ง ตามที่ต้องการ โดยเมื่อพิมพ์ ไปเรื่อยๆจนสุดบรรทัดในบริเวณช่องแรกข้อความจะมาอยู่บรรทัดต่อไปเอง เมื่อพิมพ์ไปจนสุดบรรทัดสุดท้าย ข้อความก็จะย้ายไปยังช่องกลางและ เมื่อพิมพ์ไปจนสุดบรรทัดสุดท้ายข้อความก็จะย้ายไปยังช่องถัดไป




7. ปกติแผ่นพับจะใช้ 6 ช่อง คือทำเป็น 2 หน้าโดยการกด Enter ไปเรื่อยจนขึ้นหน้า 2 และสั่งปริ้นแบบหน้าหลัง การเรียงลำดับช่องตามรูปภาพครับ ซึ่งควรจะต้องวางแผนหรือวางโครงสร้างของแผ่นพับก่อนค่อยเริ่มทำครับ



วิธีเลี้ยงกุ้งเครฟิช

วิธีเลี้ยงกุ้งเครฟิช
หลักการเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช


    ในการเลี้ยงกุ้งเครฟินั้นมักจะนิยมเลี้ยง 1 ตัวต่อ 1 ตู้ก่อนและหากุ้งตัวที่ 2 มาใส่ลงเลี้ยงทีหลังและใน 2 ตัวจะต้องเป็นตัวผู้และตัวเมียอย่างละตัว ช่วงแรกหมั่นสังเกตว่ากุ้งทั้ง 2 ตัว เข้าคู่กันได้หรือไม่ ถ้าเข้ากันได้ในอนาคตจะมีโอกาสผสมพันธุ์กัน ในกรณีที่ผสมพันธุ์กันสำเร็จตัวเมียจะมีไข่




ให้แยกเอาตัวผู้ออกมาจากตู้




 เมื่อไข่ฟักออกเป็นลูกกุ้ง ในระยะลงเดิน
 ให้แยกลูกกุ้งออกมา  เอาลูกกุ้งไปอนุบาลต่างหาก 

สูตรลดน้ำหนัก 3 กิโลภายใน 7 วันเท่านั้น

สูตรลดน้ำหนัก 3 กิโลภายใน 7 วันเท่านั้น 

วันแรก มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาลมื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และผักต้มไม่จำกัดจำนวน ใส่เกลือน้อยๆมื้อเย็น : สเต็กหมูหรือปลา สลัดผักราดน้ำสลัดใสหรือครีมแคลอรี่ต่ำ และผลไม้

วันที่สอง มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล และขนมปังโฮลวีท 1 แผ่นมื้อกลางวัน : สเต็กหมูหรือปลาย่าง สลัดผักและผลไม้มื้อเย็น : แฮมลวก

วันที่สาม มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล และขนมปังโฮลวีท 2 แผ่นมื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง แครอทต้ม และสลัดผักมื้อเย็น : แฮมลวก

วันที่สี่ มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล และขนมปังโฮลวีท 1 แผ่นมื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟอง แครอทต้ม และสลัดผักมื้อเย็น : ผลไม้และโยเกิร์ต

วันที่ห้า มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาลมื้อกลางวัน : ปลาย่างและผักต้มมื้อเย็น : สเต็กหมูหรือปลาย่าง และสลัดน้ำใส
วั
นที่หก มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาลมื้อกลางวัน : ไก่ย่างไม่เอาหนังมื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง และแครอทต้ม

วันที่เจ็ด มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาลมื้อกลางวัน : ผลไม้มื้อเย็น : ทานอะไรก็ได้ตามต้องการ

สูตรผัดพริกแกงไก่

สูตรผัดพริกแกงไก่  
เครื่องปรุง
เนื้ออกไก่ หั่นชิ้นพอคำ 150 กรัม
พริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ถั่วฝักยาว 150 กรัม
พริกชี้ฟ้า หั่นชิ้น 3 เม็ด
ใบมะกรูดหั่นฝอย 4 ใบ
กระเทียมสับ 1 หัว
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
 วิธีทำ
1. ตั้งกระทะ ไฟปานกลาง เจียวกระเทียมให้พอหอม ใส่ไก่ที่หั่นไว้ลงผัดให้สุก เติมพริกแกงเผ็ดและน้ำสะอาดลงไปนิดหน่อย ผัดให้เข้ากัน (ควรชิมเพราะพริกแกงเผ็ดแต่ละแห่งมีความเผ็ดและความเค็มไม่เท่ากัน หากไม่เผ็ดพอให้เติมพริกแกงเพิ่ม)
2. เติมถั่วฝักยาวลงผัด แล้วเติมซีอิ๊วขาวและน้ำตาล ผัดให้เข้ากัน แล้วเติมพริกและใบมะกรูดหั่นฝอย ผัดพอเข้ากัน เสิร์ฟ
 หมายเหตุ
- ถ้าหากอยากให้มีรสเผ็ดของพริกชี้ฟ้าให้นำลงผัดกับกระเทียม
- สามารถเติมน้ำลงไปอีกหากชอบรับประทานแบบขลุกขลิก และให้ชิมรส ปรุงรสเพิ่ม
แกงเผ็ด เป็นแกงที่โขลกด้วยพริกชี้ฟ้าแห้ง ที่ต้องใช้เนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลักได้แก่ เนื้อหมู ไก่ ปลา เป็นต้น ผักเป็นเพียงส่วนประกอบรอง ได้แก่ มะเขือเปราะ มะเขือพวง มะเขือเจ้าพระยา หน่อไม้ ยอมมะพร้าว เป็นต้น ส่วนผักที่โรยให้มีกลิ่นหอม คือ ใบโหระพาและใบมะกรูด ส่วนน้ำแกงจะใช้กะทิ ถือเป็นแกงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

วิธีลดต้นขา

วิธีลดต้นขา
1. ดัมเบล สเต็ปอัพ (Dumbbell Step-Ups)

วิธีฝึก

          1. ยืนตรงหันหน้าเข้าบันได พื้นต่างระดับ หรือเก้าอี้ตัวเล็ก มือ 2 ข้างถือดัมเบลหรือขวดน้ำพอดีมือ
          2. ก้าวเท้าขวาขึ้นไปวางด้านบน เท้าซ้ายอยู่ที่พื้น จากนั้นเขย่งตัวขึ้นไปตามเท้าขวา แล้ววางเท้าซ้ายลง
          3. ทำซ้ำข้างละ 15-20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซต

2. พลีเย่ สควอช (Plié Squat)

วิธีฝึก

          1. ยืนตรง กางขาออกให้ระยะห่างของเท้าทั้ง 2 ข้างกว้างกว่าไหล่เล็กน้อย เอียงเท้า 45 องศา
          2. ยืนหลังตรง ยกมือสองข้างประสานกันเหนือหน้าอกเล็กน้อย
          3. ย่อตัวลงจนเข่าตั้งฉากกับพื้น แล้วยืดตัวขึ้น
          4. ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซต

3. ไซด์ เลค ลิฟต์ (Side Leg Lift)

วิธีฝึก 

          1. นอนตะแคงข้างซ้าย ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาเท้าสะโพก วางศีรษะทับแขนซ้าย
          2. ยกขาซ้ายขึ้นด้านข้างลำตัว สูงประมาณ 45 องศา โดยที่ขาทั้ง 2 ข้างยังยืดตรง แล้ววางขาลง
          3. ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซต แล้วสลับไปทำอีกข้าง

4. ซิงเกิล เลค เดดลิฟต์ (Single Leg Deadlift)

วิธีฝึก

          1. ยืนตรง ขาชิด มือทั้ง 2 ข้างถือดัมเบล หรือขวดน้ำที่มีน้ำเต็ม
          2. เอนตัวไปข้างหน้า แขนทั้ง 2 ข้างเหยียดตรงไปด้านล่างโดยให้ดัมเบลถ่วงน้ำหนักไว้ ยกขาซ้ายไปด้านหลังโดยให้ขายืดตรงไปทางด้านหลัง และอยู่ในระดับเดียวกับหลัง
          3. ยกตัวขึ้นกลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำข้างละ 15-20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซต

5. เคิร์ชซี ลันจ์ (Curtsy Lunge)

วิธีฝึก

          1. ยืนตรง แยกปลายเท้าออกจากกันเล็กน้อย ปล่อยแขนตามสบาย
          2. ก้าวเท้าซ้ายไขว้ไปด้านหลังแล้วย่อตัวลงจนสุด แต่อย่าให้เข่าแตะพื้น มือประสานกันข้างหน้าบริเวณเหนือหน้าอก
          3. ยืดตัวขึ้น ทำสลับไปมาทั้ง 2 ข้าง
          4. ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซต

6. ไฟร์ ไฮดรันท์ (Fire Hydrant)

วิธีฝึก

          1. นั่งคุกเข่าลงกับพื้น มือทั้ง 2 ข้างวางกับพื้นด้านหน้าลำตัว ยืดหลังตรง
          2. ยกขาซ้ายไปด้านข้างให้ได้มากที่สุด โดยที่ขายังงอในลักษณะ 90 องศา แล้ววางขาลง
          3. ทำซ้ำข้างละ 15-20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซต

7. ท่ายกเข่าสูง (High Knee)

วิธีฝึก

          1. ยืนตรง ขา 2 ข้างห่างกันเล็กน้อย ปล่อยมือข้างลำตัว
          2. ยกแขนขึ้นให้มืออยู่ประมาณอก แขนตั้งฉากกับพื้น คว่ำมือ ปลายมือชี้ออกนอกลำตัว
          3. ยกเข่าซ้ายขึ้นจนแตะมือ แต่หากยกไม่ถึงให้ยกเข่าให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ วางเท้าลง สลับไปทำที่ข้างขวา
          4. ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้น ทำซ้ำ 20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซต

วิธีเย็บก้นกระเป๋าแบบต่างๆ สำหรับมือใหม่

วิธีเย็บก้นกระเป๋าแบบต่างๆ สำหรับมือใหม่




R15

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_26

โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED คู่ รูปทรงเรียวงาม พร้อมช่อง Ram Air   All New YAMAHA YZF-R15 ยังคำนึงถึงการใช้งานของกลุ่มคลับที่มีกิจกรรมทัวร์ริ่ง โดยมีการเพิ่มไฟฉุกเฉินสำหรับกรณีที่เกิดปัญหาในขณะเดินทาง

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_38

แฮนด์จับโช้กใต้แผงคอเตี้ยในแบบรถ Supersport
2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_02

ข้อมูล All New YAMAHA YZF-R15
ขนาด ยาว x กว้าง x สูง : 1990 x 725 x 1135 mm
ความสูงเบาะ : 815 mm
ฐานล้อ : 1325 mm
น้ำหนักรวมของเหลว : 137 kg
เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ 4จังหวะ, SOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ
จำนวนสูบ : ลูกสูบเดี่ยว
ความจุ : 155.1cc
กระบอกสูบ x ระยะชัก : 58 x 58.7 mm
อัตราส่วนกำลังอัด : 11.6 : 1
กำลังสูงสุด : 19.3 แรงม้า / 10000 รอบ
แรงบิดสูงสุด : 14.7 Nm / 8500 รอบ
ขนาดถังน้ำมัน : 11 ลิตร
ระบบจ่ายน้ำมัน : หัวฉีด
ระบบคลัตช์ : Wet Type Multi-Plate Clutch
ขนาดยาง (หน้า/หลัง) : 100/80-17M/C 52P (หน้า) 140/70-17M/C 66S (หลัง)

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

ธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน

10 วิธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน กวาดทิ้งง่ายไม่ฟุ้งกระจาย



          วิธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นขนหมาในบ้านหรือขนแมวในห้อง ก็ไม่เหลือกวนใจ ด้วย 10 วิธีทำความสะอาดขนสัตว์ในบ้านง่าย ๆ 
          คนเลี้ยงสัตว์ในบ้านมักจะปวดหัวกับขนสัตว์ที่ฟุ้งกระจาย บ้างก็ติดอยู่ตามโซฟา บ้างก็เกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น โดยเฉพาะช่วงที่สัตว์ผลัดขน วันนี้กระปุกดอทคอมเลยรวบรวมวิธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน ทั้งวิธีกำจัดขนหมาในบ้าน วิธีกำจัดขนแมวในห้องด้วยเครื่องดูดฝุ่น ลูกกลิ้งกำจัดขน และอื่น ๆ อีกมากมายจากของใช้ในบ้าน เพื่อจบปัญหากวนใจเรื่องขนสัตว์ฟุ้งกระจายเต็มบ้าน กวาดเท่าไรก็ไม่สะอาดสักที ! 

1. ฟองน้ำ
 
          การกำจัดขนสัตว์เลี้ยงบนโซฟาเป็นเรื่องยากพอสมควร เพราะมันชอบเข้าไปติดอยู่ตามซอกเล็ก ๆ แต่ฟองน้ำช่วยได้ค่ะ เพียงแค่นำฟองน้ำแห้งที่มีอยู่ในบ้านมาปาดเส้นขนบนโซฟาออกเบา ๆ เพื่อไม่ให้ขนฟุ้งกระจายและหลุดออกจากโซฟาจนหมด
 
2. ถุงมือยาง
 
          ใช้มือเปล่าหยิบขนสัตว์อาจจะยาก แนะนำให้หาถุงมือยางที่ใช้ทำความสะอาดภายในบ้าน และที่สำคัญต้องเป็นถุงมือแห้งไม่เปียกน้ำด้วยนะคะ หลังจากสวมถุงมือแล้วก็หยิบขนสัตว์ออกจากโซฟาให้หมด เพราะถุงมือยางจะเสียดสีและทำปฏิกิริยาเกิดไฟฟ้าสถิตกับโซฟา ทำให้ขนสัตว์หลุดออกจากโซฟาได้ง่ายขึ้น 
 
3. โรลกำจัดขนทำเอง
 
          ถ้าโรลกำจัดฝุ่นมันแพงนัก เราก็จัดการ DIY โรลกำจัดเส้นขนเองเลยดีกว่า โดยเริ่มจากนำเทปกาวอย่างหนามาพันไว้ที่หัวลูกกลิ้งทาสีอันเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว พันแบบหันด้านเทปกาวออกข้างนอกให้ทั่วหัวลูกกลิ้ง แล้วนำไปกลิ้งตามจุดที่มีขนสัตว์เลี้ยงให้หมด

วิธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน
4. สเปรย์น้ำยาปรับผ้านุ่ม
 
          นอกจากโซฟาบุนวมแล้ว ตามเฟอร์นิเจอร์เนื้อเรียบชนิดอื่น ๆ ที่ไม่ได้บุนวมก็ชอบมีขนสัตว์เลี้ยงเกาะเต็มไปหมด จะหยิบออกก็ยากเย็นเหลือเกิน แนะนำให้ผสมน้ำเปล่ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่เท่า ๆ กัน เทใส่ขวดสเปรย์ แล้วนำไปฉีดบริเวณที่มีขนสัตว์เลี้ยง ใช้ผ้าสะอาดเช็ดออก ขนสัตว์ก็จะหลุดออกอย่างง่ายดาย
 
5. น้ำยาขัดเงาเนื้อไม้
 
          บ้านไหนที่แต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้ แนะนำให้ใช้นำยาขัดเงาเนื้อฉีดพ่นลงไป แล้วใช้ผ้าขนนุ่มที่ใช้ทำความสะอาดเนื้อไม้โดยเฉพาะเช็ด เจ้าขนสัตว์ที่น่ารำคาญก็จะหลุดออก ง่ายต่อการกวาดและรวบไปทิ้งเลยค่ะ

6. โรลม้วนผม
 
          งานนี้ง่ายเลยค่ะสาว ๆ หากสาวคนไหนที่มีโรลม้วนผมติดบ้านไว้ ก็ให้นำออกมาถูไปบนเฟอร์นิเจอร์หรือพื้นผิวที่มีขนสัตว์ติดอยู่ บรรดาเส้นขนสัตว์ที่น่ากวนใจก็ถูกเกี่ยวติดไปกับโรลจนหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือให้กวนใจอีกต่อไป
 
7. ลูกโป่ง
 
          ของเล่นเด็กธรรมดา ๆ อย่างลูกโป่งนี่แหละที่จะช่วยกำจัดขนสัตว์ให้หมดไปจากบ้าน ก่อนอื่นเราต้องเป่าลูกโป่งให้พอง แล้วนำไปถูตรงบริเวณที่มีขนสัตว์เพียงเบา ๆ เพื่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต แล้วขนสัตว์ก็จะติดตามลูกโป่งขึ้นมาเอง จากนั้นก็นำไปทิ้งให้เรียบร้อย

วิธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน

8. แปรงยาง

          แปรงยางเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการจำกัดขนออกจากพรม ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนอะไรมากนัก แค่นำแปรงยางหรือไม้ม็อบรีดน้ำแบบหัวยาง มาถูย้อนแนวขนพรมเพื่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต ขนสัตว์ก็จะหลุดออกมาเอง
 
9. พื้นรองเท้ายาง
 
          ถ้าไม่มีเวลามากพอในการจัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะแค่นำพื้นรองเท้าชนิดยางที่สะอาด ๆ มาถูไปบนพื้น พรม และบริเวณที่มีขนสัตว์หลุดร่วง ขนสัตว์ก็จะติดขึ้นมาตามพื้นรองเท้า สามารถรวบไปทิ้งได้อย่างง่ายดาย
 
10. เครื่องดูดฝุ่น

          เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายบ้านเลือกใช้ เพราะมันทั้งง่ายและก็ประหยัดเวลาเอามาก ๆ ที่สำคัญหลังจากนำเครื่องดูดมาทำความสะอาดขนสัตว์ออกจากจุดต่าง ๆ ของบ้านแล้ว ก็อย่าลืมถอดฟิลเตอร์หรือตัวกรองออกมาทำความสะอาดด้วยนะคะ

          หากมีปัญหาเรื่องขนสัตว์เลี้ยงกระจายฟุ้งทั่วบ้าน ติดตามโซฟาเต็มไปหมด หรือบนพื้น ก็ลองนำวิธีที่กระปุกดอทคอมรวบรวมมาฝากกันในวันนี้ไปใช้กันนะคะ เพราะจะช่วยให้ทำความสะอาดขนสัตว์ในบ้านได้ง่ายขึ้น
 

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส

10 วิธีทำความสะอาดเตาแก๊สและเตาไฟฟ้า ขัดคราบเกรอะกรังให้หายวับ !


วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส
          วิธีทำความสะอาดเตาแก๊สและเตาไฟฟ้า ขัดคราบเกรอะกรัง ทั้งคราบเศษอาหาร น้ำมัน และฝุ่น ให้หมดไปจากเตาของเรา รับรองว่าจัดการคราบได้ไม่เหลือ เตากลับมาเหมือนใหม่แน่นอน 
 

          ต่อให้หน้าตาของอาหารจะน่ากินสักแค่ไหน แต่ถ้าหันไปเห็นครัวสกปรก โดยเฉพาะหัวเตาแก๊สที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันและเศษอาหาร ก็พาลไม่อยากกินแล้วใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องกังวลไป เพราะไม่ว่าคราบสกปรกนั้นจะหนักหนาหรือเบาบางแค่ไหน กระปุกดอทคอมก็มีวิธีทำความสะอาดเตาแก๊สและเตาไฟฟ้ามาบอกต่อ ให้สะอาดเหมือนใหม่ พร้อมกลับมาใช้งานได้ดีอีกครั้ง  

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส
ภาพจาก 2beesinapod 
1. เบกกิ้งโซดากับน้ำมะนาว

          สำหรับวิธีนี้หลังจากโรยเบกกิ้งโซดาลงบนเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้า ก็บีบน้ำมะนาวซ้ำลงไป ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วเช็ดส่วนผสมออกพร้อม ๆ กับคราบสกปรก จัดการเช็ดหน้าเตาให้สะอาดอีกครั้งด้วยฟองน้ำก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

2. เบกกิ้งโซดา
 
          เรียกได้ว่าเป็นของใช้วิเศษประจำบ้านเลยก็ว่าได้ แค่นำผ้าที่ใช้เช็ดทำความสะอาดไปชุบน้ำให้เปียกหมาด โรยเบกกิ้งโซดาลงบนผ้าเปียก แล้วนำไปถูตามหัวเตารวมทั้งแผงปุ่มบริเวณรอบ ๆ สังเกตเห็นได้ว่าคราบน้ำมันและคราบอาหารจะค่อย ๆ หายไป 

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส
ภาพจาก practicallyfunctional 
 
3. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide)

          ถ้าเจอคราบหนักบนเตาแก๊สและแถมยังทำความสะอาดยากอีกต่างหาก แนะนำให้ใช้สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เลยค่ะ ก่อนอื่นจะต้องทำความสะอาดคราบส่วนเกินออกซะก่อน โดยถูน้ำสบู่ จากนั้นผสมเบกกิ้งโซดากับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) ค่อย ๆ ผสมทั้ง 2 อย่างนี้ จนกว่าจะได้เนื้อสครับเข้มข้น ใช้ทิชชูอย่างหนาชุบแล้วขัดถูเตา เน้นบริเวณคราบหนักจนกว่าคราบนั้นจะหลุดออกหมด แต่ถ้ายังมีคราบอยู่ก็ให้พอกส่วนผสมทิ้งไว้ 10 นาที แล้วค่อยเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง
 
4. น้ำส้มสายชูและใบมีดโกน

          แน่นอนว่าสูตรนี้เหมาะใช้กับเตาไฟฟ้าอย่างเดียวเท่านั้น เพราะใบมีดโกนจะช่วยกำจัดคราบบนพื้นผิวเรียบ ๆ ได้ เริ่มจากนำผ้ามาชุบน้ำส้มสายชูแล้วเช็ดคราบส่วนเกินออกจากหน้าเตาก่อน จากนั้นโรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่วหัวเตาไฟฟ้า นำผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนบิดหมาดไปคลุมทับเบกกิ้งโซดาเช่นเดียวกับสูตรข้างบน ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วเช็ดเบกกิ้งโซดาออกพร้อมกับคราบสกปรก สำหรับคราบไหม้ที่เช็ดออกยากให้นำใบมีดโกนมาปาดออกเบา ๆ ห้ามกดลึกจนเกินไป มิเช่นนั้นหัวเตาจะเกิดรอยขีดข่วน และอย่าลืมใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดออกในขั้นตอนสุดท้าย

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส
ภาพจาก apartmenttherapy 
 
5. น้ำสบู่และน้ำส้มสายชู

          สูตรนี้อาจจะมีหลายขั้นตอนหน่อยแต่รับรองได้เลยว่าสะอาดและได้ผลดีแน่นอน ก่อนอื่นให้ถอดขาตั้งเตาไปแช่ในน้ำสบู่ร้อนทิ้งไว้ ใช้ทิชชูอย่างหนาเช็ดคราบส่วนเกินออกจากหัวเตา พ่นสเปรย์น้ำส้มสายชูที่ผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เท่ากันลงบนคราบสกปรก ถอดหมวกเตาและหัวเตาด้านในออก ใช้ผ้าเช็ดเศษคราบสกปรกออกให้เกลี้ยง แต่ถ้าหากยังมีเศษอาหารติดอยู่ตามร่องก็ให้ใช้เข็มหรือลวดเขี่ยออก ต่อมาก็นำแปรงสีฟันอันเก่าไปชุบน้ำสบู่เพื่อขัดถูคราบบนเตา ใช้ผ้าเช็ดคราบสบู่ออกให้เกลี้ยงดี แล้วนำแปรงสีฟันไปขัดขาตั้งเตาที่แช่ไว้ต่อเลย เมื่อทุกส่วนสะอาดดีแล้ว ค่อยประกอบชิ้นส่วนกลับเข้าที่ 

6. น้ำสบู่ร้อน ๆ

          วิธีนี้เหมาะกับการทำความสะอาดเตาไฟฟ้า ก่อนอื่นให้นำทิชชูชนิดหนามาเช็ดคราบสกปรกส่วนเกินบนหัวเตาออกก่อน จากนั้นก็ผสมน้ำร้อนจำนวนหนึ่งกับสบู่เหลว 1-2 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากันดี โรยเบกกิ้งโซดาลงบนหัวเตาให้ทั่วเน้นบริเวณที่มีคราบเหนียวเหนอะหนะติดอยู่ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสบู่ร้อน (ขั้นตอนนี้ควรสวมถุงมือหนา ๆ เพื่อป้องกันความร้อนด้วย) บิดพอหมาด ๆ แล้วนำมาคลุมทับผงเบกกิ้งโซดาที่โรยทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที ถ้าสังเกตเห็นผ้าเริ่มแห้งไวกว่ากำหนด ให้พรมน้ำสบู่ร้อนลงไป จากนั้นก็ค่อย ๆ ม้วนผ้าเป็นวงกลมเพื่อกวาดเบกกิ้งโซดาออกมา แล้วใช้ฟองน้ำชุบน้ำเย็นมาเช็ดทำความสะอาดหัวเตาซ้ำ ตามด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์เพื่อเช็ดเตาให้เกลี้ยง

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส
ภาพจาก mom4real 

7. ทำความสะอาดพลาสติกละลายติดเตา

 
          ถ้ามีเศษพลาสติกหลงปลิวไปติดบนหัวเตาไฟฟ้าที่กำลังร้อนอยู่ จนพลาสติกละลายและมีคราบเกาะหัวเตา ให้รีบดึงพลาสติกออกแล้วปิดเตาเพื่อรอให้เย็นตัวลง จากนั้นโรยเบกกิ้งโซดาลงบนคราบพลาสติกที่ละลาย ฉีดพ่นสเปรย์น้ำส้มสายชูลงไป ใช้ผ้าหนา ๆ หรือฟองน้ำขัดถูออกคราบ และเช็ดเบกกิ้งโซดาออกอีกครั้งด้วยผ้าเปียกหมาด คราบพลาสติกละลายก็จะหายไป
 
8. น้ำส้มสายชูหมักจากเปลือกส้มและเปลือกมะนาว


          สูตรทำความสะอาดนี้เป็นสูตรธรรมชาติที่ช่วยกำจัดคราบหนักอย่างอ่อนโยน ก่อนอื่นทำความสะอาดคราบสกปรกส่วนเกินออกด้วยน้ำสบู่ จากนั้นก็ผสมน้ำส้มสายชูหมักจากเปลือกส้มและเปลือกมะนาวกับเบกกิ้งโซดาให้เป็นเนื้อสครับเข้มข้น เติมเกลือทะเลลงไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดคราบไหม้ พอกส่วนผสมลงบนคราบแล้วทิ้งไว้ 1 คืน หลังจากนั้นก็เช็ดเอาส่วนผสมออกไปพร้อมกับคราบไหม้

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส

วิธีทำความสะอาดเตาแก๊ส
ภาพจาก hometalk 

9. น้ำมันมะพร้าว

          เป็นอีกหนึ่งสูตรผสมที่มีคุณสมบัติเหมือนจาระบี โดยการผสมเบกกิ้งโซดา 2 ส่วนกับน้ำมันมะพร้าว 1 ส่วน และเติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไปอีก 2-3 หยด คนส่วนผสมทั้งหมดให้ข้ากัน จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะกลายเป็นเนื้อสครับเข้มข้น จึงจะนำไปใช้ขัดคราบสกปรกที่หัวเตาได้
 
10. แอมโมเนีย
          หากใครสนใจใช้สูตรนี้แนะนำให้เปิดช่องระบายอากาศในครัวไว้ก่อนเลยค่ะ เริ่มจากนำกระดาษทิชชูชนิดเนื้อหนามาคลุมไว้ที่เตาแก๊ส แล้วพรมแอมโมเนียลงไปให้พอชุ่ม อย่าให้แฉะจนเกินไป ทิ้งไว้ 1 คืน จะสังเกตเห็นได้ว่าคราบน้ำมันและเศษอาหารที่เกาะแน่นนั้นหลุดออกอย่างง่ายดาย แต่อย่าลืมเช็ดทำความสะอาดแอมโมเนียให้เกลี้ยงก่อนใช้งานด้วยนะคะ

OISHI EATERIUM

14 วิธีจัดห้องสำหรับคอนโด พื้นที่เล็ก ๆ ทำให้ดูดีได้


แต่งคอนโดขนาดเล็ก
 
          วิธีเก็บของสำหรับคอนโดหรือห้องพักขนาดเล็ก แม้ของจะเยอะแค่ไหนก็จัดการให้เป็นระเบียบได้ ทำให้ภายในดูสะอาดตา และช่วยเพิ่มที่ว่างให้กับห้องของคุณได้ง่าย ๆ เลย 
 
          ในเมื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันมีขนาดคับแคบลงทุกที เราก็ต้องปรับตัวตามให้ทัน โดยเฉพาะการจัดเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ ไม่รกรุงรัง และใช้ทุกพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กระปุกดอทคอมเลยนำวิธีจัดเก็บของสำหรับคอนโดหรือห้องพักเล็ก ๆ มาให้ชม ไว้เป็นไอเดียจัดของในห้อง เพื่อเพิ่มที่ว่างสำหรับพักผ่อน 

วิธีเก็บของในบ้าน

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก rogueengineer 
 
1. ติดตั้งชั้นวางที่มีลิ้นชักในตัว

        ชั้นวางของธรรมดาทำให้บ้านดูสวยงามได้ แต่ชั้นวางลิ้นชักจะช่วยจัดระเบียบได้มากกว่าชั้นวางอื่น ๆ เพราะเมื่อดึงชั้นวางออกมา เราก็จะเจอช่องใส่ของที่สามารถจัดเก็บของมีค่าหรือของลับต่าง ๆ อีกทั้งไม่กินพื้นที่ใช้สอยด้วย 

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก Rev-A-Shelf

2. แขวนชั้นวางไว้บนบานพับตู้เก็บของ

        ยิ่งนำเครื่องปรุงขวดเล็ก ๆ ไปวางบนเคาน์เตอร์ทำครัว จะยิ่งทำให้ห้องครัวดูรกและคับแคบ ฉะนั้นหาชั้นวางแบบแขวนมาสักชิ้น แล้วนำไปแขวนไว้กับบานพับตู้เก็บของหรือประตูห้องครัว จากนั้นก็นำเครื่องปรุงกับของใช้มาจัดวาง ก็จะช่วยให้ห้องครัวเล็ก ๆ ดูเป็นระเบียบและมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นได้ 

วิธีเก็บของในบ้าน

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก uniqa 

3. โต๊ะกินข้าวแบบพับเก็บ

        ก่อนจะซื้อโต๊ะกินข้าวมาตกแต่ง ก็ต้องคิดให้ดีว่าเราจะใช้งานมันบ่อยแค่ไหน เพราะถ้าไม่ได้ใช้งานบ่อยแนะนำให้เลือกโต๊ะกินข้าวติดผนัง สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน ทำให้ภายในดูโล่งและมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นเยอะ

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก  jennaburger

4. เปลี่ยนตู้เสื้อผ้าเป็นห้องซักผ้า


        ไม่จำเป็นต้องจ้างร้านซักรีดเพื่อซักเสื้อให้คุณสักนิด เพราะแค่เปลี่ยนตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in ที่เราไม่ได้ใช้งาน ให้เป็นมุมสำหรับวางเครื่องซักผ้าและติดตั้งชั้นวางเพื่อเก็บของไปในตัว ก็จะช่วยให้คอนโดดูเป็นระเบียบขึ้นอีกเยอะ 

วิธีเก็บของในบ้าน

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก whoseideawasittobuythishouse 

5. เพิ่มชั้นวางของในตู้เสื้อผ้า

        ใช่ว่าห้องแคบแล้วจะไม่มีพื้นที่เก็บเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับเพิ่มซะเมื่อไร แค่หาชั้นวางของหรือตู้ลิ้นชักเล็ก ๆ มาวางเพิ่มไว้ด้านล่างของตู้เสื้อผ้า ก็จะมีพื้นที่เก็บของอีกเยอะ โดยไม่กินพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ ในคอนโด 

วิธีเก็บของในบ้าน

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก yukoshibata 

6. เพิ่มที่เก็บของบนผนัง 

        การซื้อตู้เก็บของใบใหม่มาตกแต่งไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก สำหรับคอนโดหรือหอพักห้องเล็ก ๆ เพราะจะทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยน้อยลง อีกทั้งอาจจะทำให้ห้องดูรกขึ้นได้ การเพิ่มพื้นที่เก็บของบนผนังและมีบานพับเปิด-ปิด ก็จะช่วยให้มีที่เก็บของเพิ่มขึ้น โดยที่ยังรักษาพื้นที่ใช้สอยไว้ได้เหมือนเดิม 

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก the2seasons 

7. ใช้หลังประตูให้เกิดประโยชน์ 

        หากไม่อยากติดตั้งชั้นวางของเพิ่ม ก็มีทางออกสำหรับคนของเยอะเหมือนกัน นั่นก็คือนำตะขอติดไว้ด้านหลังประตู เช่น ประตูห้องน้ำ ก็จะได้ที่แขวนเสื้อผ้า และของใช้เพิ่มอีกเยอะเลย 

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก cravingsomecreativity 

8. ติดตั้งเพ็กบอร์ดแขวนของ

        ต่อให้จัดเก็บข้าวของบนพื้นบ้านได้ดีขนาดไหนก็ยังรู้สึกรกอยู่ดี งั้นมาลองจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ บนผนังบ้านด้วยเพ็กบอร์ดดูสิคะ จะหยิบใช้ตอนไหนก็หาง่าย จัดเก็บเป็นระเบียบไม่กินพื้นที่ในบ้าน และไม่ต้องเจาะผนังบ้านให้เป็นรอยอีกต่างหาก

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก marymadethis 

9. ชั้นวางของแบบติดล้อ

        ชั้นวางของประเภทนี้นอกจากจะมีพื้นที่ให้นำของมาเก็บได้มากมายแล้ว ยังสามารถจัดเก็บของแต่ละชั้นตามหมวดหมู่โดยไม่ต้องซื้อกล่องเก็บของมาเพิ่ม อีกทั้งเมื่อต้องการจะใช้พื้นที่บริเวณนั้นเพื่อการพักผ่อน ก็แค่เคลื่อนย้ายชั้นวางของไปเก็บซ่อนไว้ในมุมอื่นได้ด้วย 

วิธีเก็บของในบ้าน

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก studiograyhouse 

10. เปลี่ยนมุมอับเป็นมุมนั่งเล่น 

        สำหรับห้องที่มีมุมอับใช้ประโยชน์จากพื้นที่ตรงนั้นไม่ได้ แค่หาเบาะนุ่ม ๆ มาวาง ตกแต่งด้วยหมอนนิ่ม ๆ และไฟสว่าง ๆ ก็เปลี่ยนมุมอับที่เคยใช้การไม่ได้ให้เป็นมุมนั่งเล่นได้ทันที 

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก inspirationformoms

11. ราวตากผ้าแบบพับเก็บได้ 

        ระเบียงค่อนข้างมีพื้นที่น้อย หากนำราวตากผ้าไปวางคงจะเต็มพื้นที่แน่ ๆ ราวตากผ้าแบบพับเก็บได้จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้เยอะ อีกทั้งยังทำให้มีพื้นที่บนระเบียงไว้สำหรับจัดสวนและนั่งเล่นด้วย 

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก apartmentapothecary

12. ติดตั้งชั้นวางของไว้เหนือประตู

        ผนังว่าง ๆ เหนือประตูเป็นพื้นที่ว่างที่หลายคนมักมองข้าม ทั้งที่จริงแล้วแค่นำชั้นวางของมาติด ก็จะมีชั้นวางไว้สำหรับเก็บของเพิ่มอีกหนึ่งจุด จะไว้เก็บข้าวของเครื่องใช้หรือใช้เป็นชั้นวางหนังสือก็ได้ 

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก eatwell101 

13. คว่ำจานไว้บนซิงค์

        สำหรับเคาน์เตอร์ครัวเล็ก ๆ สามารถจัดการปัญหาที่วางจานชามได้ โดยการหาตะแกรงคว่ำจานวางไว้เหนือซิงค์ล้างจาน แล้วใช้เก็บจานชาม แก้วน้ำ และช้อนส้อมแทนการเก็บไว้ในตู้เก็บของได้เลย 

วิธีเก็บของในบ้าน
ภาพจาก pinsandprocrastination

14. DIY กล่องไว้เก็บของใต้เตียง 

        พื้นที่ใต้เตียง ตู้เก็บของ หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ก็สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เหมือนกัน โดยการนำกล่องเก็บของต่าง ๆ ไปเก็บซ่อนไว้ให้พ้นสายตา ห้องของคุณก็จะดูเป็นระเบียบทันที โดยไม่ต้องซื้อตู้เก็บของใหม่ให้สิ้นเปลือง 

        เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าต่อให้พื้นที่ภายในบ้านจะเล็กแค่ไหน เราก็สามารถจัดเก็บข้าวของสารพัดชนิดให้เป็นที่เป็นทางได้ ไม่ต้องทนอยู่ในบ้านที่รก ๆ หรือคิดจะซื้อหาบ้านใหม่อีกต่อไป แล้วอย่าลืมนำไอเดียเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ